ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี ส่งเสริมให้ประชาชนใช้เกลือเสริมไอโอดีนในการปรุงประกอบอาหาร
วันที่ 25 มิถุนายน ของทุกปี วันไอโอดีนแห่งชาติ เป็นวันรณรงค์สร้างกระแสเพื่อส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงภัยร้ายของโรคขาดสารไอโอดีน
\tนายแพทย์ดนัย ธีวันดา กล่าวว่า ปัจจุบันโรคขาดสารไอโอดีนยังเป็นปัญหาสาธารณสุข ที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้บริโภคอาหารทะเลอย่างเพียงพอ ซึ่งเกิดขึ้นมากกับประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือและยังพบในภาคกลางและภาคใต้ที่บริเวณแถบเขา ประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับโรคนี้ โดยคิดว่า การขาดสารไอโอดีนจะทำให้เกิดอาการคอพอกเพียงอย่างเดียว หากใครไม่มีอาการคอพอก ก็แสดงว่าไม่ขาดสารไอโอดีนและคิดว่าเป็นเฉพาะในวัยเด็กเท่านั้น จึงไม่ให้ความสำคัญกับการกินอาหารที่มีสารไอโอดีนมากนัก โดยหารู้ไม่ว่าไอโอดีนมีผลต่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายสมอง และสติปัญญาของคนในทุกช่วงอายุ \t
ช่วงทารกอยู่ในครรภ์ถึงแรกเกิด จะทำให้เกิดการแท้งหรือตายก่อนกำหนดได้ง่าย หรือ คลอดออกมาทารกก็จะพิการแต่กำเนิด คือ หูหนวก ขาแข็ง กระตุก ตาเหล่ รูปร่างแคระแกร็น และสติปัญญาเสื่อมจนถึงปัญญาอ่อน หรือที่เรียกว่าเป็นเอ๋อ
ช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่น ร่างกายจะเจริญเติบโตช้า สติปัญญาด้อยลงกว่าคนปกติและมีอาการคอพอก ขณะที่วัยผู้ใหญ่จะมีอาการคอพอก เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น สมรรถนะในการทำงานลดลง ร่างกายและจิตใจเสื่อมถอยหากเป็นเพศชายจะมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สำหรับผู้หญิงประจำเดือนอาจมาไม่ปกติ
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา เปิดเผยว่า เด็กที่ขาดสารไอโอดีนจะมีสติปัญญาด้อยซึ่งเป็นผลที่รุนแรงกว่าอาการที่ปรากฏให้เห็นเป็นคอพอกทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แนวทางที่ใช้แก้ปัญหาขาดสารไอโอดีนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย คือให้บริโภคเกลือเสริมไอโอดีน กระทรวงสาธารณสุขได้มีกฎกระทรวงให้เกลือบริโภคในประเทศไทยต้องเสริมไอโอดีนในรูปของไอโอเดท โดยให้มีปริมาณ 30-50 ส่วนในล้านส่วน แต่จนถึงปัจจุบันนี้ปริมาณไอโอเดทในเกลือเสริมไอโอดีนยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานโดยส่วนใหญ่จะน้อยกว่ามาตรฐานจึงจำเป็นต้องมีการควบคุมและตรวจสอบอย่างจริงจัง
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา กล่าวอีกว่า จากการสำรวจกองโภชนาการ กรมอนามัย ปกติปริมาณเกลือที่คนไทยบริโภคอยู่ระหว่าง 2-10 กรัม/วัน เฉลี่ยแล้วคนละ 5 กรัม บริโภคต่ำสุดประมาณ 2 กรัม/วัน ดังนั้นก็จะได้รับไอโอดีนประมาณ 100 ไมโครกรัม ต่อวันต่อคน การเสริมไอโอดีนในเกลือขนาดที่ประกันว่าคนได้รับสารไอโอดีนวันละ 150- 300 ไมโครกรัมเป็นประจำทุกวัน อยู่ในขนาดที่ปลอดภัยสำหรับประชากรทั้งหมด โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาวะไอโอดีนของประชากร ดังนั้น โอกาสที่จะได้รับสารไอโอดีนเกินกว่า วันละ 1 มิลลิกรัม จึงน้อยมาก แต่ก็ขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว เพราะร่างกายไม่สามารถสะสมไว้ได้ สารไอโอดีนบางส่วนจะถูกนำไปใช้ในการสร้างฮอร์โมนสำหรับการเติบโตของร่างกายและสมอง ส่วนที่เหลือจะถูกขับ ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกจากร่างกาย จึงจำเป็นต้องกินอาหารที่มีสารไอโอดีนทุกวัน
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี กล่าวว่า จากข้อมูลในการตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขในรอบที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม2550 -มีนาคม 2551 พบว่า 4 จังหวัด ในเขต 11 คือ จังหวัดสกลนคร กาฬสินธุ์ นครพนมและมุกดาหาร มีครัวเรือนที่ใช้เกลือเสริมไอโอดีนที่มีคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐาน (ปริมาณไอโอดีน ≥ 30 ppm.) มีเพียงร้อยละ 43.30 และ 4 จังหวัด ในเขต 14 คือจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และยโสธร มีเพียงร้อยละ 63.2 ซึ่งล้วนต่ำกว่าเป้าหมาย (ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 )
ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี จึงจัดกิจกรรมรณรงค์ ส่งเสริม กระตุ้นย้ำเตือนให้ทุกครัวเรือนใช้เกลือเสริมไอโอดีนในการปรุงประกอบอาหารอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำ บริโภคอาหารทะเลเป็นประจำ เช่นปลาทู หอย ปู กุ้ง และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการเสริมไอโอดีน เช่น น้ำปลา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และไข่ไก่สดเสริมไอโอดีน โดยตรวจดูจากฉลากหรือส่วนผสม ตลอดจนขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการค้าเกลือบริโภคทุกราย ได้เสริมไอโอดีนลงในเกลือให้ได้มาตรฐานทุกครั้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคเกลือที่มีคุณภาพ เพื่อการควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนได้อย่างถาวรและยั่งยืน จนกระทั่งโรคขาดสารไอโอดีนหมดสิ้นจากประเทศไทย